ประวัติจังหวัดแพร่ |
 |
|
จังหวัดแพร่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๕๕๕ กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางภาคเหนือบนฝั่งแม่น้ำยม เป็นนครแห่งวรรณกรรมลิลิตพระลอที่รู้จักกันทั่วไป เมืองแพร่เริ่มก่อตั้งเป็นเมืองมาตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เมืองแพร่เป็นเมืองโบราณสร้างมาช้านานแล้วตั้งแต่อดีตกาล แต่ยังไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่า สร้างขึ้นในสมัยใดและใครเป็นผู้สร้าง เมืองแพร่เป็นเมืองที่ไม่มีประวัติของตนเองจารึกไว้ในที่ใดๆ โดยเฉพาะ นอกจาก ปรากฏ ในตำนาน พงศาวดาร และจารึกของเมืองอื่นๆ บ้างเพียงเล็กน้อย จากการศึกษาค้นคว้า และตรวจสอบหลักฐานจากตำนานเมืองเหนือพงศาวดารโยนก และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง เมืองแพร่น่าจะสร้างยุคเดียวกับกรุงสุโขทัย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา น่าน
|
ซึ่งบ้านเมืองของเมืองแพร่ยุคนั้นคงไม่กว้างขวางและมีผู้คนมากมายเหมือนปัจจุบัน เมืองแพร่มีชื่อเรียกกันหลายอย่าง ตำนานเมืองเหนือเรียกว่า "พลนคร" หรือ "เมืองพล" ดังปรากฎในตำนานสร้างพระธาตุลำปางหลวงว่า "เบื้องหน้าแต่นั้นนานมา ยังมีพระยาสามนตราชองค์หนึ่ง เสวยราชสมบัติในพลรัฐนคร อันมีในที่ใกล้กันกับกัปลัมภกัปปะนคร(ลำปาง)นี่ ทราบว่าสรีร พระธาตุ พระพุทธเจ้ามีในลัมภกัปปะนคร ก็ปรารถนาจะใคร่ได้"
|
 |
|
 |
ในสมัยขอมเรืองอำนาจ ราว พ.ศ. 1470 - 1560 นั้น พระนางจามเทวีได้แผ่อำนาจเข้าครอบครองดินแดนในเขตลานนา ได้เปลี่ยนชื่อเมืองในเขตล้านนาเป็นภาษาเขมร เช่นลำพูนเป็นหริภุญไชย น่านเป็นนันทบุรี เมืองแพร่เป็นโกศัยนคร หรือนครโกศัยชื่อที่ปรากฎในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง เรียกว่า "เมืองพล" และได้กลายเสียงตามหลักภาษาศาสตร์เป็น "แพร่" ชาวเมืองนิยมออกเสียงว่า "แป้" เนื่องจากเมืองแพร่เป็นเมืองเก่าแก่ จึงมีวรรณคดีของชาติไทยที่สำคัญเรื่อง พระลอ และมีรัตนกวีที่สำคัญ คือ คุณโชติ แพร่พันธุ์ หรือนามปากกาว่า ยาขอบ ผู้เขียนเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ |
|